จากกรณี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดเหตุทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด จำนวน 5 นาย ในพื้นที่หมู่บ้านอันเซ ตำบลเจียมก์ซาน อำเภอเจียมก์ซาน จังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา
ต่อมา กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเพจทางการ โดยระบุว่า พลเอกหญิง มะลิ โสเจียตา รองเลขาธิการและโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างสิ้นเชิงจากฝ่ายไทย ซึ่งระบุว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้ซึ่งมูลความจริง
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้มีการแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า กัมพูชาได้ย้ำเตือนฝ่ายไทยมาโดยตลอดว่า พื้นที่ดังกล่าวยังคงมีทุ่นระเบิดที่ตกค้างจากสงคราม ซึ่งยังไม่ได้รับการเก็บกู้ และเคยเรียกร้องให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางลาดตระเวน ที่อาจขัดแย้งกับข้อตกลงบันทึกความเข้าใจปี 2000 (MOU 43)
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ยังระบุด้วยว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยไม่เพียงแต่ไม่แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากยังกล่าวหากัมพูชาในลักษณะที่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว กัมพูชาเองต่างหากที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของฝ่ายไทยอย่างไม่เป็นธรรม
พร้อมยืนยันว่า กองทัพและกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ยังคงปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมปกป้องอธิปไตย มรดกแห่งแผ่นดิน และความมั่นคงของประชาชน โดยจะไม่ยอมให้ประเทศใดเข้ารุกรานดินแดนกัมพูชาอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
ต่อมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ทหารชุดลาดตระเวนเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า กองทัพภาคที่ 2 และกองทัพบก เสนอให้ปิดด่านชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด โดยห้ามนักท่องเที่ยวเข้าเด็ดขาด ซึ่งรัฐบาลเห็นชอบและสั่งปิดด่านชายแดนตามข้อเสนอ
ทั้้งนี้ จึงได้ตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และส่งตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับไปยังกัมพูชา พร้อมพิจารณาทบทวนความสัมพันธ์ต่อไป
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังได้กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชา เนื่องจากพิสูจน์ทราบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งไม่เคยพบในการลาดตระเวนครั้งก่อน ๆ แต่เกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงเวลาใกล้เคียง
ล่าสุด ด้านนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้มีการแชร์โพสต์แถลงการณ์ดังกล่าว ผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของตนเอง เพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนกระทรวงกลาโหม ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กของนายฮุน ซาเรือน (H.E. Mr. Hun Saroeun) เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ก็มีความเคลื่อนไหว โดยได้โพสต์ข้อความภายหลังรัฐบาลไทยส่งตัวกลับประเทศว่า หลังจากผมกลับแล้ว หวังว่าท่านและพวกยังอยู่นะครับ บริหารแบบใช้อารมณ์เช่นนี้ ไม่รู้ได้กี่น้ำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปไม่นาน ก็พบว่าได้มีการลบโพสต์ออกจากเฟซบุ๊กของนายฮุน ซาเรือน ในเวลาต่อมา