แก๊งวัยรุ่นสุดเหิม! ขี่รถจยย.ไล่ฟัน ด.ญ.วัย 4 ขวบ จนสาหัสตาบอด-เย็บกว่า 50 เข็ม ตร.รู้ตัวคนก่อเหตุแล้ว แต่ยังจับไม่ได้
ข่าวอาชญากรรม

แก๊งวัยรุ่นสุดเหิม! ขี่รถจยย.ไล่ฟัน ด.ญ.วัย 4 ขวบ จนสาหัสตาบอด-เย็บกว่า 50 เข็ม ตร.รู้ตัวคนก่อเหตุแล้ว แต่ยังจับไม่ได้

วันที่ 15 ก.ค. 2568 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อม นายปิยะ วงศ์คำเหลา สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี พา พ่อ แม่ และ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 4 ขวบ ผู้เสียหาย เข้าพบ พล.ต.ต.ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี เพื่อขอความเป็นธรรมและติดตามความคืบหน้าทางคดี

สืบเนื่องจาก ช่วงค่ำวันที่ 28 มิ.ย.2568 ขณะที่พ่อของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 4 ขวบ ขี่รถ จยย. อยู่บนถนนภายในหมู่บ้านสวนฝ้าย ม.7 ต.สมสะอาด อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี โดยมี ด.ญ.เอ นั่งอยู่ทางด้านหน้า กำลังจะกลับเข้าบ้าน ได้มีแก๊งวัยรุ่นซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ขับขี่รถ จยย.ผ่านมา จู่ๆ คนซ้อนท้ายชักอาวุธมีดฟันเข้ามาทางด้านหน้า ถูกที่บริเวณศีรษะ ด.ญ.เอ เป็นแผลยาวตั้งแต่เหนือคิ้วจนถึงดวงตาทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตาบอดทันที และเย็บกว่า 50 เข็ม

หลังออกจาก รพ. กลุ่มผู้ก่อเหตุให้คนมาติดต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดจำผิดคน โดยจะจ่ายให้ 2 แสน แล้วสั่งให้ไปถอนแจ้งความทันที หากไม่ยอมรับเงินหรือไม่ถอนแจ้งความ ก็จะไม่รับประกันความปลอดภัย ทางครอบครัวเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจึงขอความช่วยเหลือมายังเพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้ช่วยเหลือ

ทางด้าน พล.ต.ต.ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี กล่าวว่า เหตุเกิดในท้องที่ สภ.เดชอุดม ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทราบผู้ก่อเหตุทั้งหมดเบื้องต้นมี 4 คน ได้ดำเนินการจับกุมไปแล้ว 2 คน เหลืออีก 2 คน แต่ยังไม่ได้คนที่ฟัน ซึ่งหมายจับออกแล้ว ก็จะเร่งรัดจับกุมให้ได้โดยเร็ว คาดว่าผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่

สำหรับผู้ที่ใช้อาวุธมีดฟันนั้นมีคดีประวัติเกี่ยวกับข้องกับยาเสพติดนับ 10 คดี ในส่วนของคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ได้ทำคดีล่าช้า อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และที่สำคัญต้องรอใบชันสูตรของแพทย์ซึ่งได้เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้มาแล้ว ก็ดำเนินการขออนุมัติหมายจับต่อศาล ร่วมกันพยายามฆ่า เพราะว่าบาดแผลที่โดน โดนบริเวณดวงตาซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาทันที อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ คาดว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง

ขณะที่ นางสาวปทิตตา โฉมประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมจะมีค่าเสียหายให้ผู้เสียหายคดีอาญาเป็นค่าตอบแทนเป็นเงินเยียวยา ซึ่งจะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อมาประกอบการพิจารณา ก็จะรีบนำเสนอเข้าที่ประชุม เพื่อพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาให้กับเด็ก ส่วนในกรณีที่มีการข่มขู่คุกคาม ก็จะช่วยเหลือในการคุ้มครองพยานเพื่อจะให้เด็กและครอบครัวได้มีรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและร่างกาย ส่วนเงินเยียวยาจะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาในส่วนของค่ารักษาพยาบาล และมีค่าตอบแทนความเสียหาย ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่มีการบาดเจ็บรุนแรงมาก และมีการสูญเสียอวัยวะอยู่ที่ประมาณ 4 - 5 หมื่นบาท ต้องขอดูใบรับรองแพทย์เพื่อประกอบการพิจารณา

ขณะที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า บางทีการสื่อสารระหว่างพนักงานสอบสวนกับชาวบ้านอาจจะไม่เข้าใจกัน เคสนี้ทางตำรวจพนักงานสอบสวนก็ได้ทำคดีคืบหน้าไปบ้างแล้ว มีการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลก่อนหน้านี้แล้ว ทางท่านผู้การก็ได้มีการสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติศาลออกหมายจับ เชื่อว่าส่วนที่เหลือจะได้ตัวเร็วๆนี้ ในส่วนของเพจสายไหมต้องรอด นอกจากประสานในเรื่องคดีแล้ว ก็จะประสานไปที่ท่าน ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข. เพื่อขอให้กระทรวงลงมาดูในเรื่องของดวงตาว่าจะต้องให้ทำอย่างไร ให้เด็กได้มีการรักษาดวงตาให้เร็วที่สุด

ในส่วนของร่องรอยบาดแผลที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ตนขอวอนไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ทำเรื่องความงามและศัลยกรรม อยากให้มาช่วยรักษาร่องรอยบาดแผลเด็กให้หายเป็นปกติให้เร็วที่สุดเพราะดวงตาและใบหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เด็กยังไร้เดียงสามากแค่ 4 ขวบต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ สอบถามพ่อเด็กเวลาเด็กนั่งรถมีอาการผวา ร้องไห้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ ยังฝากบอกผู้ก่อเหตุว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นขยะสังคม อยากให้ท่านผู้การกวาดขยะพวกนี้ออกไปให้หมด อย่าให้มีในพื้นที่ ในเรื่องดวงตาถ้าเป็นไปได้ น่าจะเอาดวงตาคนทำมาใส่ให้เด็กแทนเพราะว่าตัวผู้ก่อเหตุมีชีวิตต่อไปก็ไม่มีประโยชน์เปรียบเหมือนเป็นขยะสังคมที่ต้องกำจัด

ผู้สื่อข่าวกรุงเทพมหานคร ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน